วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553


ความจริง 10 ข้อที่นักเพาะกายควรรู้

ในโลกของการเพาะกายนั้น เต็มไปด้วยความรู้มากมาย บ่อยครั้งอาจทำให้เราสับสนหรือขัดกับความรู้เดิมที่เราเคยมีมา ยกตัวอย่างเช่น ความเข้าใจผิดในเรื่องของโภชนาการ ที่ว่าควรหลีกเลี่ยงไขมันทุกชนิด แล้วจะทำให้เรามีสุขภาพดีและมีร่างกายที่แข็งแรง แต่งานวิจัยกลับพิสูจน์ให้เห็นว่าการปรับกลยุทย์ในการทาน โดยเพิ่มการทานไขมันชนิดที่ดี ในสัดส่วนที่เหมาะสม ไม่เพียงจะทำให้สุขภาพดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยในการพัฒนาร่างกายอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น มีความเชื่อที่ว่าการออกกำลังกายประเภทแอโรบิก จะมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ แต่ความจริงแล้ว การออกกำลังกายแบบแอโรบิก สามารถนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์อย่างมาก ในการสร้างปริมาณกล้ามเนื้อได้
นี่เป็นเพียงตัวอย่างของความเชื่อผิดๆ ในโลกของการเพาะกาย และต่อไปนี้คือความจริง 10 ข้อ ที่นักเพาะกายควรรู้

1.ยกให้หนักขึ้นอีก
นี่คือความจริงพื้นฐานสำหรับคุณ คือ คุณต้องเพิ่มน้ำหนักที่ใช้ให้มากขึ้นเรื่อยๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป สิ่งนี้เองที่จะเพิ่มความเข้มข้นในการฝึกเพาะกายให้มากขึ้น และแน่ใจได้ว่ากล้ามเนื้อได้ออกแรงอย่างเต็มที่
ยกตัวอย่างเช่น คุณเล่นท่า bench press ด้วยน้ำหนัก 25 kg. จำนวน 10 reps ต่อ 1 set ในสัปดาห์ต่อๆ มา หลังจากที่ร่างกายคุณเริ่มเคยชินกับน้ำหนักนี้แล้ว ให้คุณเพิ่มน้ำหนักอีก 2.5 kg. หรือจนกระทั่งคุณสามารถยกได้อย่างสมบูรณ์เพียง 6 – 8 reps/set (ขอย้ำว่าต้องยกได้อย่างสมบูรณ์) คุณจะใช้น้ำหนักขนาดนี้ไปจนกว่าจะยกได้ 10 reps/set อย่างสมบูรณ์ และคุณต้องเพิ่มน้ำหนักอีกครั้ง
ภาวะชะงักงันในการเติบโตของกล้ามเนื้อ จะเกิดเมื่อคุณฝึกกล้ามเนื้อด้วยความเข้มข้นเดิมๆ วันแล้ววันเล่า และจะเกิดเพียงชั่วคราว ซึ่งจะทำให้การฝึกไม่ได้ผลหรือได้ผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และถ้าใครพบว่าไม่สามารถเพิ่มปริมาณน้ำหนักที่ใช้ได้ คุณอาจจะพบกับอาการ overtraining ซึ่งจำเป็นที่จะต้องแก้ไข ก่อนที่จะเริ่มทำอย่างอื่นต่อไป
ความจริงก็คือ มีเพียงหนทางเดียวเท่านั้นในการเพาะกาย คือ คุณต้องพัฒนาความเข้มข้นที่ใช้กับกล้ามเนื้อของคุณอย่างต่อเนื่อง โดยอยู่บนพื้นฐานการฝึกที่ถูกต้อง

2.ทานโปรตีนให้ได้อย่างน้อย 1 กรัม ต่อ น้ำหนักตัว 1 ปอนด์
นักเพาะกายส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้ รวมถึงนักกีฬาโดยทั่วไป ล้วนแต่รู้ว่าโปรตีนเป็นสารอาหารที่มีความสำคัญ อย่างไรก็ยังมีการทานโปรตีนที่น้อยเกินไป
มีหลายคนที่ทานโปรตีนในแต่ละวันเพียง 70-80 กรัม เท่านั้น ทั้งนี้ก็มาจากการขาดความเข้าใจในเรื่องของโปรตีนนั่นเอง
โปรตีน คือองค์ประกอบทางเคมี ที่มีความจำเป็นอย่างมากต่อกระบวนการต่างๆ ของร่างกาย (และสำคัญสำหรับนักเพาะกาย ในการสร้างกล้ามเนื้อ) การสังเคราะห์โปรตีน(การเปลี่ยนจากกรดอะมิโน ไปเป็นโปรตีนเพื่อซ่อมแซมและเสริมสร้างร่างกาย) จะเกิดขึ้นได้อย่างเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ก็ต่อเมื่อ เราได้รับโปรตีนอย่างเพียงพอเท่านั้น
จากการที่นักเพาะกายใช้กล้ามเนื้อหนักกว่าคนทั่วไปมาก จึงตามมาด้วยความต้องการโปรตีนในอัตราส่วนที่มากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งปริมาณโปรตีนอย่างน้อยที่สุดที่นักเพาะกายควรได้รับ คือ 1 กรัม/น้ำหนักตัว 1 ปอนด์ แต่จากประสบการณ์แล้ว มากไว้ก่อนย่อมจะดีกว่า ซึ่งนักเพาะกายหลายคนทานเป็น 2 เท่า เลยทีเดียว
หลังจากฝึกเพาะกายอย่างเข้มข้นกันมาแล้วก็ถึงเวลาโตกันเสียที โดยเลือกทานอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน เช่น ไข่(มีค่า biological value สูงสุดในบรรดาอาหารตามธรรมชาติที่ให้โปรตีน หากไม่นับนมแม่ซึ่งได้คะแนนเต็ม 100), นม, เนื้อไก่, เนื้อแดง เป็นต้น แต่ละมื้อควรทานโปรตีนให้ได้ 30-40 กรัม โดยทาน 5-7 มื้อ/วัน เหตุผลหนึ่งที่ไม่โตกันเสียที ก็เพราะทานโปรตีนกันไม่พอนี่แหละ และสาเหตุของปัญหาก็มาจากความไม่สะดวก ในการเตรียมอาหารให้ได้ วันละ 5-7 มื้อ โดยที่ต้องได้โปรตีน 30-40 กรัม ในทุกมื้อด้วย ทางออกของปัญหานี้อาจจะแก้โดยใช้อาหารเสริมในมื้อที่ไม่สะดวกก็ได้
เวย์โปรตีนอาจช่วยแก้ปัญหาเรื่องของความไม่สะดวกได้ และช่วยให้เราได้รับโปรตีนคุณภาพดีอีกด้วย คุณสามารถเตรียมเวย์โปรตีน ติดตัวไปและทานในเวลาที่เร่งด่วนได้ทันที

3.นอนหลับให้เพียงพอ
การนอนหลับมีความสำคัญมาก สำหรับนักเพาะกายแล้ว การนอนหลับจะช่วยกระบวนการสังเคราะห์โปรตีนหลังจากการฝึกอย่างหนัก และช่วยฟื้นฟูจิตใจให้พร้อมกับการฝึกหนักในครั้งต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้นการนอนช่วยในการผลิต ฮอร์โมนเพศชาย(testosterone) และ growth hormone อีกด้วย แต่มีความจริงอย่างหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงเมื่อนึกถึงการนอนหลับ คือ เป็นเวลา 8 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้นที่ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารใดๆเพิ่มเติมเลย นี่อาจหมายถึงช่วงเวลาหายนะ ที่กล้ามเนื้อที่เราอุตส่าห์ฝึกมาอย่างหนัก อาจจะเริ่มถูกสลาย ออกมาเป็นสารอาหารไปเลี้ยงร่างกายและสมอง (เรียกว่ากระบวนการ gluconeogenesis)
เพื่อป้องกันการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ ควรรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง ในมื้อก่อนนอน และเพื่อการนอนอย่างมีประสิทธิภาพ ให้ได้ 7-9 ชั่วโมง มีคำแนะนำดังนี้

  • อาบน้ำอุ่นก่อนนอน
  • ฟังเพลงสบายๆ เพื่อผ่อนคลาย
  • ทาน คาร์โบไฮเดรต มื้อเล็กๆ ก่อนนอน
  • เข้านอนเวลาเดียวกันทุกวัน
  • ไม่ควรนอนดูทีวีบนเตียงนอน
  • ห้ามใช้ยานอนหลับ
  • หลีกเลี่ยง การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่

4.พัฒนาทัศนะคติเชิงบวก
การคิดบวกจะช่วยยกระดับกระบวนการในการสร้างกล้ามเนื้อได้อีกทางหนึ่ง คุณภาพในการฝึกเพาะกายจะเพิ่มขึ้นถ้าคุณสามารถทำให้แต่ละครั้งเต็มไปด้วย ความแน่นอนและมีมาตรฐาน แล้วคุณจะประสบความสำเร็จตามจุดประสงค์ในการฝึก แต่ถ้าใครกำลังอยู่ในอารมณ์แย่ๆ มันจะส่งผลกระทบต่อการฝึกเช่นกัน
ตัวอย่างเช่น การคิดมากเกี่ยวกับเหตุการณ์แย่ๆ ระหว่างที่กำลังพยายามยกน้ำหนักที่หนักมากๆ จะทำให้ร่างกายกับจิตใจไม่สามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างเต็มที่ และไม่สามารถควบคุมการฝึกให้มีความแน่นอนและมีมาตรฐานได้ พูดได้ว่ามันเป็นการขัดขวางสิ่งที่ควรเป็นไป ร่างกายควรได้สื่อสารกับจิตใจอย่างเต็มที่ โดยไม่มีอะไรมาขัดขวาง
ความจริงแล้ว ทัศนะคติที่ดี ควรจะกลายเป็นลักษณะนิสัยประจำตัว และความสำเร็จทั้งหมดจะเริ่มต้นจากจุดๆ นี้เอง
ข้อแนะนำในการพัฒนาทัศนะเชิงบวก

  • คบหาสมาคมกับผู้ที่มีความคิดเชิงบวก
  • ฝึกฝนการคิดเชิงบวกในชีวิตประจำวัน
  • จินตนาการถึงความสำเร็จ

5.จัดการความเครียด
เวลาเราเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน Cortisol ออกมา ซึ่งมีคุณสมบัติในการหยุดยั้งการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เพิ่มความดันโลหิต และเพิ่มปริมาณน้ำตาลในกระแสเลือด ทั้งนี้เพื่อเตรียมพลังงานให้พร้อม เพื่อรับมือกับสภาวะกดดันต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น
ความเครียดต่างๆ เหล่านั้น ยังหมายความรวมถึง การอดอาหาร, การออกกำลังกายด้วยความเข้มข้น หรือการออกกำลังกายด้วยระยะเวลาอันยาวนาน นอกจากนี้ยังรวมถึง การพักผ่อนไม่เพียงพอด้วย ซึ่งล้วนแต่ส่งผลให้ระดับของ Cortisol เพิ่มขึ้นทั้งสิ้น
เมื่อร่างกายผลิต Cortisol ออกมาในอัตราที่มาก สิ่งที่ตามมาก็คือ ร่างการจะพยายามเตรียมกลูโคสในกระแสเลือดให้สูงขึ้น ซึ่งหากสภาวะดังกล่าวเกิดขึ้นกับคนที่มีการสำรองกลูโคส(ร่างกายเก็บในรูปของ ไกลโครเจน)ไว้อย่างเพียงพอก็ไม่เป็นไร แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น ร่างกายก็จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงพลังงานในรูปแบบอื่นเข้ามาเสริม โดยการสลายโปรตีนในกล้ามเนื้อเข้ามาเป็นพลังงานเสริมด้วย ส่งผลให้การสูญเสียกล้ามเนื้อเกิดขึ้นได้
หนทางแก้ปัญหา

  • กินให้ดีและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • งดการสูบบุหรี่, งดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และคาเฟอีน
  • ฝึกหายใจลึกๆ
  • พยายามมองโลกในแง่ดี
  • ไม่ควรออกกำลังกายทุกวัน ต้องเปิดโอกาสให้ร่างกายปรับระดับของ Cortisol บ้าง
  • ระงับ Cortisol ด้วยการรับประทาน โปรตีน และ คาร์โบไฮเดรตทันทีหลังออกกำลังกาย ทั้งนี้เนื่องจากว่าระดับ Cortisol จะเพิ่มสูงมากเมื่อคนเราออกกำลังกายนานกว่า 45 นาที ทั้งนี้คาร์โบไฮเดรต ควรจะมีค่าไกลซีมิคสูงๆ(ดูดซึมเร็ว) เพื่อป้องกันการสลายตัวของกล้ามเนื้อ

6.อย่าละเลยการฝึกแบบแอโรบิก
นอกจากจะไม่ทำลายกล้ามเนื้อแล้ว ในความเป็นจริงแอโรบิกเป็นสิ่งจำเป็นในการเติบโตของกล้ามเนื้อด้วย เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยปรับปรุงความสามารถของระบบเผาผลาญในร่างกาย (metabolisms) เพื่อเผาผลาญไขมัน แต่ยังขนส่งออกซิเจน และสารอาหารเข้าสู่กล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นผลดีที่ทำให้กล้ามเนื้อเติบโตขึ้นและแข็งแรงขึ้น
สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงในการทำแอโรบิก คือ ระยะเวลาและความเข้มข้นในการฝึก โดยควรใช้ความเข้มข้นต่ำ(ไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรมากนัก) และใช้ระยะเวลาประมาณ 45 นาที ก็น่าจะเพียงพอกับจุดประสงค์ในการเพาะกาย โดยแนะนำให้เดินบนลู่วิ่งสัปดาห์ละ 3 ครั้ง เช่น วันจันทร์, พุธ, ศุกร์ ตอนเช้าหลังจากตื่นนอน

7.ทานไขมันที่ดีต่อสุขภาพ
คุณต้องทำความเข้าใจการทานไขมันเสียใหม่ การไม่ทานไขมันเลยเป็นสิ่งผิด สิ่งที่คุณต้องจดจำคือชนิดของไขมัน และหน้าที่ที่แตกต่างกัน
เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่า เราควรหลีกเลี่ยงการทานไขมันอิ่มตัว (หรือ saturated fats ซึ่งพบมากในไขมันสัตว์ ที่จับตัวเป็นก้อนที่อุณหภูมิปกติ) เนื่องจากเป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพมากมาย รวมถึงโรคหัวใจด้วย อย่างไรก็ตามนักเพาะกายควรทานไขมันอิ่มตัวในปริมาณที่เหมาะสม เนื่องจากคอเรสเตอรอลที่มักพบในไขมันอิ่มตัว จะช่วยเพิ่มระดับของฮอร์โมนเพศชาย(testosterone) ซึ่งส่งผลให้เพิ่มขนาดของกล้ามเนื้อ(Berardi, 2004)
มีการศึกษา พบว่าการลดการทานไขมันที่มีไขมันอิ่มตัว จะทำให้ระดับฮอร์โมนเพศชาย(testosterone)ลดลง หลังจากนั้นให้ทานไขมันตามปกติ ระดับฮอร์โมนเพศชาย(testosterone)ก็กลับสู่ระดับปกติ การศึกษาในครั้งนี้ย้ำให้เห็นประโยชน์ของไขมันได้เป็นอย่างดี
กรดไขมันจำเป็น(กรดไขมันที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้) ได้แก่ Omega-3 พบมากในปลาที่อาศัยอยู่ในน้ำเย็น และ Omega-6พบมากในน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส, ดอกคำฝอย และดอกทานตะวัน กรดไขมันจำเป็นมีประโยชน์หลายอย่างเช่น

  • ช่วยให้การทำงานของหัวใจเป็นปกติ
  • ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
  • เสริมสร้างและซ่อมแซมข้อต่อ โดยทำงานร่วมกับ แคลเซียม, โบรอน, วิตามิน C, D, K
  • ช่วยในกระบวนการสร้างกล้ามเนื้อ
  • รักษาโครงสร้างและการทำงานของผนังเซลล์

การเลือกทานไขมันให้ถูกชนิดจะส่งผลดีกับร่างกายโดยรวม และช่วยให้กล้ามเนื้อเติบโต เราจึงควรเลือกทานไขมันที่มีกรดไขมันจำเป็นเป็นหลัก และทานไขมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวในปริมาณเล็กน้อย ให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย

8.หลีกเลี่ยง Overtraining
ปัญหาหลักที่เกิดขึ้นกับนักเพาะกายหลายๆคน คือ อาการ Overtraining ซึ่งอาจแสดงออกมาได้ในหลายรูปแบบ เช่น สูญเสียแรงจูงใจในการฝึก, กล้ามเนื้อเติบโตเพียงเล็กน้อย หยุดเติบโต หรืออาจร้ายแรงถึงขั้นกล้ามเนื้อฝ่อเลยทีเดียว อาการ Overtraining เกิดมาจากการฝึกหนักต่อเนื่องกันมากเกินไป ถึงอย่างไรก็ตามก็ยังมีสัญญาณเตือนเพื่อให้หยุดก่อนจะสายเกินไป
เมื่อการพยายามอย่างหนักเพื่อเพิ่มขนาดกล้ามเนื้อ โดยปราศจากความตระหนักว่าการพักก็เป็นสิ่งจำเป็นต่อการสร้างกล้ามเนื้อด้วย เช่นกัน การที่ร่างกายไม่ได้พักอย่างเพียงพออาจส่งผลให้เกิดอาการ Overtraining ได้
อาการของ Overtraining เป็นอาการทั้งทางร่างกายและจิตใจ ทางร่างกาย อาทิเช่น อัตราการเต้นของหัวใจขณะพักสูงขึ้น, ความดันโลหิตสูงขึ้น, ปวดข้อและกล้ามเนื้อมากขึ้น, ปวดหัวและหนาวสั่น, เหนื่อยง่าย, กระสับกระส่าย, นอนไม่หลับ, สูญเสียหรือความอยากอาหารลดลง, มีอาการบาดเจ็บ, เจ็บป่วยไม่สบาย, รู้สึกอ่อนเพลียเรื้อรัง, กระหายน้ำ, เป็นหวัดง่าย, ติดเชื้อต่างๆ เป็นประจำ, มีความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ, มีความผิดปกติของภูมิคุ้มกัน,มีความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง เป็นต้น ส่วนทางจิตใจ ก็อาทิเช่น โกรธและหงุดหงิดง่ายขึ้น, อารมณ์และการนอนหลับถูกรบกวน, รู้สึกเศร้า หดหู่, วิตกกังวล, รู้สึกจดจ่อกับการฝึกน้อยลง และสูญเสียแรงจูงใจในการฝึก เป็นต้น
วิธีป้องกัน overtraining:

  • จำกัดเวลาในการฝึกไม่ให้เกิน 45 นาที หรือให้น้อยที่สุด เพื่อลดการสลายโปรตีน เนื่องจากการหลั่งของcortisol
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • มีช่วงพักบ้างเป็นครั้งคราว เพื่อเติมความกระตือรือร้น
  • ทานวิตามินและเกลือแร่ ควบคู่กับการทานโปรตีน ให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย

9.ทานอาหารเสริม
โภชนาการสำหรับการเพาะกาย (ประกอบด้วยอาหารทั้งหมด) ควรรวมเข้าไปในโปรแกรมพื้นฐานของการฝึกที่เข้มข้น หลายๆโปรแกรมการฝึกจะมีคุณค่ามากขึ้น เมื่อถูกใช้ควบคู่กับการรับประทานอาหารเสริม เราควรเลือกอาหารเสริมเพื่อเสริมกับอาหารหลัก แต่ไม่ควรรับประทานเป็นอาหารหลัก เราไม่สามารถกล่าวว่าอาหารเสริมเป็นสิ่งที่ไม่มีความสำคัญ เพราะในความเป็นจริงแล้วมันสำคัญทีเดียว
อาหารเสริมต่างๆสามารถเพิ่มคุณค่าของสารอาหารได้อย่างมหาศาล ซึ่งการรับประทานอาหารเสริมในปัจจุบันได้รับความสะดวกมากขึ้น ทั้งในเรื่องของความเข้มข้นของสารอาหาร หรือบรรจุภัณฑ์ที่มีให้เลือกหลากหลายตามความพึงพอใจของผู้บริโภค ตลาดของอาหารเสริมในปัจจุบันเต็มไปด้วยอาหารเสริมมากมายหลากหลายชนิด และสารอาหารใหม่ๆที่จำเป็นต่อร่างกายก็ได้รับการพัฒนาและผลิตเพิ่มมากขึ้นใน แต่ละวัน ดังนั้นผู้บริโภคจึงหันมาสนใจเกี่ยวกับสุขภาพร่างกายมากยิ่งขึ้นเพราะพวกเขา มีความสุขกับผลลัพธ์ที่ได้รับจากอาหารเสริม
อาหารเสริมจะทำหน้าที่สร้างกล้ามเนื้อให้มีความแข็งแรงและมีขนาดใหญ่โต ขึ้น เมื่อทานควบคู่กับการออกกำลังแบบเพาะกาย และต่อไปนี้คืออาหารเสริมที่มักใช้ความคู่กับการฝึกเพาะกาย

  • เวย์โปรตีน : ในความคิดเห็นของผมมันคืออาหารเสริมที่ดีที่สุดที่มีอยู่ในขณะนี้(ปี 2009)หากใช้อย่างถูกต้อง เวย์โปรตีนมีส่วนผสมที่สมบูรณ์ของการรวมตัวกันของกรดอะมิโน ทั้งในปริมาณและอัตราส่วนที่เหมาะสม ยิ่งไปกว่านั้นเวย์โปรตีนยังให้ผลโดยตรงกับผู้บริโภคที่ใช้มันเพื่อการสร้าง มัดกล้ามเนื้อ
  • วิตามินรวม/เกลือแร่ : เป็นแหล่งวิตามินและเกลือแร่ชั้นเยี่ยมที่ทำหน้าที่ป้องกันการขาดวิตามินและ เกลือแร่ของร่างกาย โดยเฉพาะนักเพาะกายที่ต้องใช้พลังงาน การทานอาหาร และการสังเคราะห์โปรตีนที่มากกว่าคนทั่วไปจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องได้รับ ปริมาณวิตามินและเกลือแร่ ให้เพียงพอต่อความต้องการด้วย
  • Creatine : ตั้งแต่ปีค.ศ.1992 Creatine ถูกนำใช้อย่างแพร่หลายในการเพาะกายระดับโลก Creatine ช่วยในการเพิ่มพลังและให้ผลอย่างมีประสิทธิภาพหากใช้ในระหว่างที่กำลังฝึก Creatine จะให้พลังงาน ATP แก่กล้ามเนื้อ จึงช่วยให้นักเพาะกายฝึกได้หนักและนานขึ้น ในปัจจุบัน Creatine คือโภชนาการที่สำคัญสำหรับนักกีฬาเพาะกาย
  • L-Glutamine : ประมาณ 60% ของกรดอะมิโนอิสระซึ่งแพร่กระจายอยู่ในกล้ามเนื้อ คือ L-Glutamine ดังนั้น L-Glutamine จึงมีความสำคัญอย่างมากต่อกระบวนการสังเคราะห์โปรตีนของกล้ามเนื้อ แต่เนื้อเยื่อส่วนอื่นๆก็ต้องการ L-Glutamine เช่นกัน และอาจดึง L-Glutamine ไปจากกล้ามเนื้อ ในกรณีที่เนื้อเยื่อเหล่านั้นไม่ได้รับ L-Glutamine อย่างเพียงพอ เพราะฉะนั้นอาหารเสริมจำพวก L-Glutamine จึงมีความสำคัญในกระบวนการสร้าง ซ่อมแซม และป้องกันการสูญเสียกล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี

10.หาความรู้อยู่เสมอ
การที่จะประสบความสำเร็จในการเพาะกายนั้น เกิดจากกระบวนการการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และการทดลองนำความรู้มาใช้ คุณต้องหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นจาก เว็บไซท์, หนังสือ, วิดีโอ หรือจากผู้เชี่ยวชาญ
การไม่เรียนรู้พื้นฐานการเพาะกาย และความรู้ในขั้นที่สูงกว่า เช่น เทคนิคต่างๆ และความรู้ด้านโภชนาการ คุณจะไม่สามารถผ่านขั้นเริ่มต้นไปได้เลย ในความเป็นจริงคุณต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และศึกษาความเป็นไปของวงการเพาะกายด้วย ซึ่งจะช่วยให้คุณก้าวข้ามขีดจำกัดของคุณไปได้ และเปลี่ยนแปลงร่างกายให้ดีขึ้น
การติดตามข่าวสารอยู่เสมอ

  • อ่านงานวิจัยล่าสุดอยู่เสมอ
  • หาความรู้จากเว็บไซท์เพาะกาย
  • คุยกับผู้รู้ ที่มีประสบการณ์
  • อ่านหนังสือและนิตยสารเพาะกาย

บทสรุป
นักเพาะกายหลายคน ใช้เวลาส่วนมากในการหาเคล็ดลับในการเพาะกาย เพื่อไปให้ถึงจุดหมาย แต่ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า การเพาะกายไม่มีเคล็ดลับใดๆ มีแต่ความจริงที่คุณต้องรู้ และนี่คือความจริง 10 ข้อที่นักเพาะกายทุกคนต้องรู้ และความจริงที่สำคัญที่สุด คือ “หา ความรู้อยู่เสมอ” ครับ


คริสเตียโน โรนัลโด (โปรตุเกส: Cristiano Ronaldo) ชื่อเต็มว่า กริชเตียนู รูนัลดู โดช ซันตูช อาเวรู (โปรตุเกส: Cristiano Ronaldo dos Santos Aveiro) เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวโปรตุเกส ปัจจุบันสังกัดสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด สวมเสื้อหมายเลข 7 และกำลังจะย้ายไปยังสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด ด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติโลก

ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 มีการจัดอันดับตำแหน่งนักเตะรูปงามแห่งยูโร 2008 จัดทำโดยแอลจี บริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า คริสเตียโน โรนัลโดได้รับคะแนนโหวตครั้งนี้เป็นอันดับ 1


ประวัติ

คริสเตียโน โรนัลโด เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 ที่เกาะมาเดรา ประเทศโปรตุเกส เป็นบุตรชายของนายชูเซ ดีนิช อาเวรู (เสียชีวิตเมื่อปี พ.ศ. 2548 ขณะมีอายุ 52 ปี) กับนางมาเรีย ดูโลริช อาเวรู เป็นบุตรชายคนเล็กในพี่น้อง 4 คน ถึงแม้ตอนเกิดเขาจะคลอดก่อนกำหนดแต่ก็มีน้ำหนักสมบูรณ์ถึง 8 ปอนด์

ที่มาของชื่อ โรนัลโด นั้น บิดาของเขาเป็นผู้ตั้งให้ โดยได้แรงบันดาลใจจากชื่อของ นายโรนัลด์ เรแกน อดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบุคคลที่บิดาของ โรนัลโด ชื่นชอบ

ครอบครัวของโรนัลโดอาศัยอยู่ที่ควินตา โด ฟาชาล เมืองซานโต อันโตนิโอ ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรยากจนอาศัยอยู่มาก โรนัลโดเริ่มเล่นฟุตบอลที่นี่ ซึ่งในตอนเด็กเขาจะชอบเล่นฟุตบอลมาก บริเวณตามถนน พอตอนเขาอายุ 6 ขวบ เขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังในทีมชุดใหญ่ของ ทีม Andorinha โดยการชักชวนของญาติเขาที่อยู่ในทีมนี้ พอถึงปี พ.ศ. 2538 โรนัลโดย้ายไปอยู่กับทีม Nacional โดยมีการจ่ายค่าตัวเป็นชุดฟุตบอลและลูกบอล


นักฟุตบอลอาชีพ

เมื่ออายุ 12 ปี โรนัลโดได้รับความสนใจจากสโมสรใหญ่ ๆ ของโปรตุเกสมากมาย โรนัลโด เลือกค้าแข้งกับ สปอร์ติง ลิสบอน ทีมโปรดของตัวเอง จนอายุ 17 ปี โรนัลโด ได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ของ สปอร์ติง เป็นครั้งแรก แล้วก้าวไปติดทีมชาติโปรตุเกสชุดอายุต่ำกว่า 17 ปีในศึกชิงแชมป์ยุโรป

โรนัลโดมีจุดเด่นที่มีทักษะในการครองบอลและมีความคล่องตัวสูง ด้วยจุดนี้เอง ทำให้เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันได้สนใจที่จะนำโรนัลโดมาร่วมทีม และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้คว้าตัว โรนัลโด ไปร่วมทีมได้สำเร็จ ด้วยค่าตัว 12.5 ล้านปอนด์ ในฤดูกาล 2003-2004 โรนัลโด ใช้เวลาไม่นานนักในการปรับตัวให้เข้ากับพรีเมียร์ชิพ และผลงาน 8 ประตู จากการลงสนาม 39 นัด ซึ่งรวมถึงประตูแรกในรอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ กับ มิลล์วอลล์ ก็ทำให้เขาได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Sir Matt Busby Player of the Year) ประจำฤดูกาล 2003/04

โรนัลโดกับการพาทีมชาติโปรตุเกสผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในศึกยูโร 2004 ก่อนพ่ายให้กับ กรีซ

ในฤดูกาลที่ 2 ของโรนัลโดกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฟอร์มไม่ดีเท่ากับปีแรก หลังจากที่จบฤดูกาลด้วยการลงสนาม 50 นัด แต่ทำได้แค่ 9 ประตู ในฤดูกาล 2005/06 โรนัลโด ก็เรียกฟอร์มเก่งของตัวเองมาได้อีกครั้งในช่วงครึ่งซีซั่นหลัง ด้วยการทำ 12 ประตู จากการลงสนาม 47 นัด

โรนัลโดคว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของฟิฟโปร (FIFPro Special Young Player of the Year 2005) ซึ่งเป็นรางวัลเดียวที่ให้แฟนๆ เป็นผู้ลงคะแนนโหวตตัดสิน และในปีเดียวกันเขาก็ได้อันดับที่ 20 ในตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่าด้วย

ในศึกฟุตบอลโลก 2006 โรนัลโด ถูกแฟนบอลอังกฤษรุมโห่ไล่หลังจากที่มีส่วนทำให้ เวย์น รูนีย์ เพื่อนร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องถูกไล่ออกในเกมที่อังกฤษพบกับโปรตุเกส โรนัลโดถูกสื่อในอังกฤษกดดันและต่อว่า อย่างไรก็ดีโรนัลโดยังคงเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

เมษายน 2007 คริสเตียโน โรนัลโด คว้ารางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยม และผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปี 2007 ของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ หรือ พีเอฟเอ ไปครอง โดยเป็นผู้เล่นรายที่ 2 ในประวัติศาสตร์ ที่สามารถคว้ารางวัลเกียรติยศทั้งสองมาครอบครองในเวลาเดียวกัน หลังโชว์ฟอร์มสุดยอดมาตลอดฤดูกาลนี้โดยก่อนหน้านี้ แอนดี เกรย์ เคยทำได้เมื่อปี 1977 หรือ ราว 30 ปีก่อน

เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 2009 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดยอมรับว่า ได้รับข้อเสนอการซื้อตัวจากสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด ด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์ ซึ่งก็ปรากฏว่าคริสเตียโนก็มีความต้องการที่จะออกจากคลับเช่นกัน โดยเขาได้ตกลงย้ายออกไป การซื้อตัวครั้งนี้ถือเป็นสถิติค่าตัวแพงที่สุดในโลก


งานอื่น

ด้วยความสามารถและความโด่งดัง จึงมีเอเย่นต์สนใจเขามาเป็นพรีเซนเตอร์อยู่หลายชิ้น ภาพลักษณ์ของโรนัลโดสร้างความสำเร็จให้กับการตลาดมหาศาล ไม่ว่าจะเป็น วิดีโอเกมต่าง ๆ ไปจนโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ความหล่อเหลาของเขาก็ยังทำให้เขาได้รับการติดต่อจากนิตยสารแฟชั่น อีกด้วย นิตยสารโวกของอเมริกา นำเสนอเขาไปเป็นแบบปก และเขายังเป็นพรีเซนเตอร์ให้ผลิตภัณฑ์รองเท้ากีฬาอย่าง ไนกี้ โดยทางไนกี้เล็งเห็นว่าโรนัลโดมีฝีเท้าที่เป็นนักเตะที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก จึงได้คุยกับโรนัลโดเพื่อผลิตรองเท้าที่เบา พัฒนารองเท้า รองเท้ารุ่น Mercurial Vapor ออกมา


ชีวิตส่วนตัว

พ่อของโรนัลโดเป็นผู้อำนวยการสโมสรฟุตบอลเล็ก ๆ ที่ชื่ออันโดนินญ่า และพ่อเขาขอให้กัปตันทีมที่ชื่อ Fernao Sousa เป็นพ่อทูนหัว ส่วนแม่ของเขามีอาชีพเป็นแม่ครัว โรนัลโดช่วยเหลือครอบครัวเป็นอย่างดี ช่วยพี่สาวคนโตเปิดร้านขายเสื้อผ้าที่มาเดร่า ส่วนพี่สาวอีกคน คาเทีย เป็นนักร้อง มีวงดนตรีชื่อ "Ronalda"

โรนัลโดมีข่าวคบหากับ เจมม่า แอตกินสัน นักแสดงสาวชาวอังกฤษ จากละครดัง “โฮลลี่โอคส์” และหลังจากนั้นก็เลิกรากันไป และมีข่าวคบหากับเมอร์เช โรเมโร มานานกว่า 8 เดือน ก่อนที่เธอจะตัดสินใจเลิกรากันในเดือนตุลาคม เมื่อปี 2006[9] ต่อมาก็คบกับนางแบบชาวสเปน เนไรดา กัลยาร์โด[10]และในขณะนี้มีกระแสข่าวว่าโรนัลโดกำลังกิ๊กกับไฮโซสาวจอมฉาว ปารีส ฮิลตัน


เกียรติยศที่ได้รับ


เกียรติยศร่วมกับสโมสร

แชมป์ เอฟเอ คัพ ปี 2004
แชมป์ คาร์ลิ่ง ลีก คัพ ปี 2006
แชมป์ พรีเมียร์ชิพ ปี 2006 - 2007
แชมป์ พรีเมียร์ชิพ ปี 2007 - 2008
แชมป์ ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก ปี 2008
แชมป์ สโมสรโลก ปี 2008
แชมป์ คาร์ลิ่ง ลีก คัพ ปี 2009
แชมป์ พรีเมียร์ชิพ ปี 2008 - 2009

เกียรติยศเฉพาะตัว

นักกีฬาดาวรุ่งยอดเยี่ยมของโปรตุเกส ปี 2002
รองแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ปี 2004
หนึ่งในสมาชิกทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า ประจำปี 2004
ผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมของสมาพันธ์นักฟุตบอลอาชีพ ปี 2005
รางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยม และผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปี 2007 ของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ
รองเท้าทองคำ (ดาวซัลโวสูงสุด) ปี 2008
นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของฟิฟโปร ปี 2008
นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของฟีฟ่า ปี 2008
ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปี 2008 ของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ


ประวัติ วาเลนติโน่ รอสซี่
วาเลนติโน่ “ลิตเติ้ล” รอสซี่ เป็นชาวอิตาเลียน เกิดที่เมืองอูร์บิโน่ เมื่อ 16 ก.พ. 2522 เป็นทายาท กราเซียโน่ รอสซี่ นักแข่งมอเตอร์ไซค์ที่มีชื่อเสียงในแดนมะกะโรนี จึงไม่แปลกที่รอสซี่น้อยจะเริ่มสนใจกีฬาแห่งความเร็วประเภทนี้ตั้งแต่ยัง เด็ก และเริ่มต้นด้วยการแข่งขันมินิไบค์ที่ชายหาดในรีสอร์ตแห่งหนึ่งใกล้กับบ้าน เกิด ซึ่งฉายแววว่าจะเก่งกาจตั้งแต่ตอนนั้น

ในปี 2536 ลงแข่งขันอย่างจริงจังและเริ่มต้นในการแข่งขันรุ่น 125 ซีซี และในปีต่อมาก็สามารถคว้าแชมป์แห่งชาติของอิตาลีได้สำเร็จ
ในปี 2538 รอสซี่กลายเป็นนักซิ่งอายุน้อยที่สุดในการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์ อิตาเลียนในรุ่น 125 ซีซี

ปีเดียวกันนั้นยังคว้าอันดับ 3 ในการแข่งขันชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปได้อีกด้วย ซึ่งทำให้รอสซี่น้อยตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลกในปี 2539 ทันทีในฤดูกาลแรกของการแข่งขัน เขาออกสตาร์ตได้ร้อนแรง คว้าแชมป์มาครอง 1 รายการ และจบฤดูกาลด้วยการคว้าอันดับ 9 มาระเบิดฟอร์มสุดยอดในฤดูกาล 2540 ด้วยการคว้าแชมป์ไปครองรวม 11 รายการ และคว้าแชมป์โลกรุ่น 250 ซีซี ไปครอง

ฤดูกาล 2541 นักซิ่งชาวอิตาเลียนขยับขึ้นมาแข่งในรุ่น 250 ซีซี แต่ออกสตาร์ตได้ไม่ดีนักได้รองแชมป์ไป 3 รายการแต่มาแรงปลายคว้าแชมป์ 5 รายการติดทำให้จบอันดับได้แค่อันดับ 2 เท่านั้น

ฤดูกาล 2542 เป็นปีที่รอสซี่ลงแข่งขันชุกที่สุดถึง 16 รายการ และคว้าแชมป์ไปครอง 9 รายการ และรองแชมป์อีก 2 รายการ ทำคะแนนสะสมได้กว่า 309 คะแนน และกลับมาครองแชมป์ได้อีกครั้ง

หลังจากอิ่มตัวกับความสำเร็จในรุ่น 250 ซีซี เมื่อปีที่แล้วเขาได้ขยับขึ้นมาแข่งในรุ่น 500 ซีซี ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นที่มีนักแข่งระดับพระกาฬอยู่มากที่สุด ลงแข่งขันทั้งหมด 13 รายการ คว้าแชมป์มาครองได้ 1 รายการ คือในการแข่งขันสนามที่ 9 ที่โดนิงตั้น ปาร์ก อังกฤษและยังได้รองแชมป์อีก 2 รายการ ทำให้จบฤดูกาลได้ตำแหน่งที่ 2 โดยมีแต้มไล่ตามแชมป์โลกอย่างเคนนี่ โรเบิร์ตส์ จากสหรัฐ อยู่แค่ 49 คะแนนเท่านั้น

รวมสถิติตั้งแต่เข้าร่วมการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลกทั้งหมดรวม 73 รายการ คว้าแชมป์ไปครองทั้งหมด 27 รายการ รองแชมป์ 8 และอันดับ 3 อีก 8 รายการ และแน่นอนเป้าหมายสูงสุดในปีนี้ของรอสซี่ก็คือการคว้าแชมป์โลกรุ่น 500 ซีซี ไปครองให้ได้